ราคาเหล็กในปี 2025 อาจจะสูงกว่าปีที่แล้วมาก หากมีการกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กที่จะมีการเสนอใช้ภายในสิ้นเดือนหน้า หน่วยงาน rating agency Crisil กล่าว โดยราคาในประเทศอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากราคาเหล็กทั่วโลกลดลง และคาดว่าจะยังคงอ่อนตัวในปี 2025 โดยราคาอาจเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4-6 ขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามมาตรการ safeguard duty
"ในขณะที่โรงงานเพิ่มปริมาณการผลิตจากกำลังการผลิตใหม่ อุปทานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาเหล็กทรงแบนลดลง แต่จะยังคงสูงกว่าราคาเฉลี่ยในปี 2024 การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างโรงงานต่างๆ เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นการจำกัดการเคลื่อนไหวของทิศทางขาขึ้น” Vishal Singh ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Crisil Market Intelligence and Analytics กล่าว
การกำหนด safeguard duty ที่เสนอโดยอุตสาหกรรมอาจเป็นผลดีสำหรับที่นี่ สมมติว่ามีการดำเนินการภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ราคาเหล็กในปี 2025 จะสูงกว่าปี 2024 มาก โดยจะมีผลกระทบชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ราคาเหล็กในตลาดภายในประเทศลดลง เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกใช้มากขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการนำเข้าสุทธิที่เพิ่มขึ้น
หน่วยงานจัดอันดับยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความต้องการเหล็กในประเทศจะยังคงแซงหน้าการบริโภคเหล็กในภาคส่วนอื่นๆ ในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8-9 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่การก่อสร้างที่ใช้เหล็กเข้มข้นในภาคของที่อยู่อาศัยและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมกันกับความต้องการที่ดีขึ้นจาก ภาควิศวกรรม บรรจุภัณฑ์ และส่วนอื่นๆ
ในปี 2024 ความต้องการเหล็กทั่วโลกคาดว่าจะลดลงร้อยละ 1 โดยความต้องการในจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ที่สุด ลดลงร้อยละ 3.5 เนื่องจากความต้องการเหล็กที่ลดลงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เอื้ออำนวยรวมถึงการเปิดตัวแพ็คเกจสนับสนุนก็ตาม
ความต้องการเหล็กจากยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาก็มีอัตราการเติบโตลดลงประมาณร้อยละ 2-3 หน่วยงานดังกล่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของอุปสงค์ในประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินเดีย และบราซิล ทำให้อุปสงค์ทั่วโลกไม่ลดลงมาก โดยในอินเดีย ความต้องการคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11% ในบราซิล 5.6% และ ในประเทศอื่นๆ 2.7%